เมื่อท้องเสียสามารถกินอะไรได้บ้าง?

1 MINUTES

วิธีแก้ท้องเสียและดูแลตัวเองเมื่อถ่ายเป็นน้ำอย่างละเอียด

ท้องเสียหรือการถ่ายเป็นน้ำเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และมักสร้างความไม่สบายตัวให้กับผู้ป่วย การรู้วิธีแก้ท้องเสียอย่างถูกต้องและดูแลตัวเองในช่วงนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น การขาดน้ำหรือภาวะช็อกจากการสูญเสียสารน้ำและแร่ธาตุมากเกินไป

ท้องเสียเกิดจากอะไร?

ท้องเสียสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
  • การรับประทานอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาด
  • การแพ้อาหารหรือยาบางชนิด
  • ความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • โรคทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้แปรปรวน

การเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสมและป้องกันการเกิดซ้ำในอนาคต

ท้องเสียกินอะไรดี?

เมื่อคุณท้องเสีย ควรเลือกรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและไม่ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร โดยอาหารที่แนะนำมีดังนี้:

  1. ข้าวต้มหรือโจ๊ก
    • อาหารอ่อนๆ ที่ให้พลังงานและช่วยให้ระบบย่อยทำงานเบาลง
    • ควรเป็นโจ๊กหรือข้าวต้มที่ไม่ใส่เครื่องเทศหรือเครื่องปรุงรสจัด
  2. กล้วยน้ำว้า
    • มีสารเพกตินที่ช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ ลดการถ่ายเหลว
    • อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยทดแทนแร่ธาตุที่สูญเสียไป
  3. แอปเปิ้ลหรือซอสแอปเปิ้ล
    • มีเส้นใยที่ช่วยให้อุจจาระแข็งตัว
    • ให้พลังงานและวิตามินแก่ร่างกาย
  4. ขนมปังปิ้งหรือขนมปังกรอบ
    • ช่วยดูดซับน้ำในลำไส้และลดอาการท้องเสีย
  5. มันฝรั่งต้มหรืออบ
    • ให้คาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายและช่วยให้ร่างกายมีพลังงาน

หากคุณต้องการซื้ออาหารจาก 7-11 สามารถเลือกซื้ออาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊กสำเร็จรูป ขนมปังกรอบ กล้วยหอม หรือมันฝรั่งอบ ซึ่งหาซื้อได้ง่ายและสะดวก

ท้องเสียกินอะไรหายเร็ว?

เพื่อให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  1. ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS)
    • ช่วยทดแทนน้ำและแร่ธาตุที่สูญเสียไป
    • หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
  2. รับประทานอาหารอ่อนๆ และแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ
    • เพื่อให้ร่างกายย่อยได้ง่ายขึ้นและไม่สร้างภาระให้ระบบทางเดินอาหาร
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ
    • การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  4. ใช้ยาบรรเทาอาการ
    • เช่น ยาผงน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) หรือยาแก้ท้องเสียชนิดเม็ด ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

ท้องเสียห้ามกินอะไร?

ในช่วงที่มีอาการท้องเสีย ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มต่อไปนี้:

  1. อาหารรสจัด
    • เช่น เผ็ด เปรี้ยว หรือเค็มเกินไป เพราะอาจระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
  2. นมและผลิตภัณฑ์จากนม
    • เพราะอาจทำให้ย่อยยากและกระตุ้นให้ถ่ายบ่อยขึ้น
  3. อาหารไขมันสูง
    • เช่น ของทอดหรืออาหารมันๆ ที่ย่อยยากและเพิ่มภาระให้ระบบย่อยอาหาร
  4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
    • เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น
  5. อาหารที่มีเส้นใยสูง
    • เช่น ผักสดหรือผลไม้บางชนิด ที่อาจกระตุ้นการทำงานของลำไส้

ท้องเสียกินน้ำอะไรได้บ้าง?

การดื่มน้ำที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเมื่อท้องเสีย เพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยเครื่องดื่มที่แนะนำมีดังนี้:

  1. น้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก
    • ดื่มในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป
  2. น้ำเกลือแร่ (ORS)
    • ช่วยทดแทนแร่ธาตุและน้ำที่สูญเสียไปจากการถ่ายบ่อย
  3. น้ำข้าวต้ม
    • มีส่วนผสมของเกลือเล็กน้อย ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
  4. น้ำสมุนไพรอุ่นๆ
    • เช่น น้ำขิง ช่วยลดอาการคลื่นไส้และบรรเทาอาการท้องเสีย

วิธีแก้ท้องเสียเร่งด่วน

หากคุณต้องการแก้ท้องเสียอย่างเร่งด่วน สามารถทำได้ดังนี้:

  1. ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS)
    • เพื่อป้องกันการขาดน้ำและทดแทนแร่ธาตุที่สูญเสียไป
  2. รับประทานยาแก้ท้องเสีย
    • เช่น ยาผงน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) หรือยาแก้ท้องเสียชนิดเม็ด ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ
    • เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานในการฟื้นตัว
  4. ประคบร้อนบริเวณท้อง
    • ช่วยลดอาการปวดเกร็งที่อาจเกิดขึ้น

ท้องเสียกินไข่ได้ไหม?

ไข่เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงและย่อยง่าย สามารถรับประทานได้เมื่อท้องเสีย แต่ควรปรุงให้สุกเต็มที่ เช่น ไข่ต้มหรือไข่ตุ๋น และหลีกเลี่ยงไข่ดาวหรือไข่เจียวที่ใช้น้ำมันมาก เพราะอาจทำให้ย่อยยากและเพิ่มอาการท้องเสีย

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

แม้ว่าท้องเสียส่วนใหญ่จะสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่หากมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที:

  • ถ่ายเป็นเลือดหรือมีมูกปน
  • มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
  • อาเจียนมากจนไม่สามารถดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารได้
  • มีอาการขาดน้ำรุนแรง เช่น ปากแห้ง กระหายน้ำมาก ปัสสาวะน้อย หรือเวียนศีรษะ

สรุป

ท้องเสียเป็นอาการที่สามารถดูแลได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันการขาดน้ำ และพักผ่อนให้เพียงพอ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน หรือมีอาการรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น อย่าลืมเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมในช่วงนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณค่ะ!

Last update: 13 February 2025, 18:08

DR. CHRIS ZAVOS, MD, PHD, FEBGH

Gastroenterologist - Hepatologist, Thessaloniki

PhD at Medical School, Aristotle University of Thessaloniki, Greece

PGDip at Universitair Medisch Centrum Utrecht, The Netherlands

Ex President, Hellenic H. pylori & Microbiota Study Group