อุจจาระสีเขียว

1 MINUTES

อุจจาระสีเขียว: เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่?

อุจจาระสีเขียว อาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนแปลงจากสีปกติอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม อาการนี้ไม่ได้หมายความว่ามีภาวะร้ายแรงเสมอไป การเข้าใจสาเหตุที่เป็นไปได้จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าควรปรึกษาแพทย์หรือไม่

สาเหตุของอุจจาระสีเขียว

อุจจาระของมนุษย์ได้รับสีจากน้ำดี ซึ่งถูกผลิตโดยตับและหลั่งเข้าสู่ลำไส้เล็ก หากกระบวนการย่อยอาหารหรือการเคลื่อนตัวของลำไส้เปลี่ยนแปลง อาจส่งผลต่อสีของอุจจาระ ดังนี้:

1. การรับประทานอาหารที่มีสีเขียว

  • ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม บรอกโคลี หรือคะน้า

  • อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการแต่งสีเขียว (เช่น ลูกอม สีผสมอาหาร)

2. การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่เร็วเกินไป (ท้องเสีย)

ในกรณีที่ลำไส้เคลื่อนตัวเร็ว เช่นในภาวะท้องเสีย ร่างกายอาจไม่มีเวลาย่อยน้ำดีจนหมด ทำให้น้ำดีที่ยังมีสีเขียวถูกขับออกมาในอุจจาระ

3. การใช้ยาหรืออาหารเสริม

  • ยาปฏิชีวนะบางชนิดสามารถเปลี่ยนแปลงเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ ส่งผลต่อสีของอุจจาระ

  • ธาตุเหล็กหรืออาหารเสริมบางชนิดอาจทำให้เกิดสีเขียวได้เช่นกัน

4. การติดเชื้อในลำไส้

แบคทีเรีย เช่น Salmonella หรือ Clostridium difficile อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียร่วมกับอุจจาระสีเขียวได้ จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

อุจจาระสีเขียวควรไปพบแพทย์เมื่อใด?

ควรปรึกษาแพทย์ทันทีหากพบว่าอุจจาระสีเขียวมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น:

  • ปวดท้องรุนแรง

  • มีไข้

  • อุจจาระมีเลือดปน

  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • ท้องเสียต่อเนื่องเกิน 2-3 วัน

ในกรณีที่พบอุจจาระสีเขียวโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน หรือมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของระบบทางเดินอาหาร ควรทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร

อุจจาระสีเขียวในเด็กและทารก

สำหรับทารก โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิด อุจจาระสีเขียวอาจเป็นเรื่องปกติเนื่องจากระบบย่อยอาหารยังพัฒนาไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม หากมีการร้องไห้ผิดปกติ หรือดูดนมได้น้อย ควรได้รับการตรวจโดยแพทย์

การตรวจที่ใช้วินิจฉัยอุจจาระสีเขียว

1. การตรวจอุจจาระ (Stool analysis)

การวิเคราะห์อุจจาระจะช่วยตรวจหา:

  • การมีเชื้อแบคทีเรีย ปรสิต หรือไวรัส

  • การอักเสบของลำไส้

  • ไขมันในอุจจาระ (ในกรณีที่อาจมีภาวะดูดซึมผิดปกติ)

  • เลือดแฝงในอุจจาระ (Occult blood test)

2. การเพาะเชื้อจากอุจจาระ (Stool culture)

เพื่อระบุการติดเชื้อ เช่น:

  • Salmonella

  • Shigella

  • Campylobacter

  • Clostridium difficile

โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียเรื้อรังหรือได้รับยาปฏิชีวนะมาก่อน

3. การตรวจพยาธิในอุจจาระ (Ova and Parasites test)

ตรวจหาไข่ของพยาธิหรือพยาธิตัวเต็มวัยที่อาจเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสีของอุจจาระ

4. การตรวจเลือด (Blood tests)

เช่น:

  • การตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC)

  • ค่าการทำงานของตับ (Liver function tests)

  • ค่าการอักเสบ (CRP, ESR)

เพื่อประเมินภาวะติดเชื้อหรือโรคตับที่อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร

5. การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง (Abdominal ultrasound)

เพื่อตรวจดูอวัยวะในช่องท้อง เช่น ถุงน้ำดี ตับ และลำไส้ ในกรณีที่สงสัยว่ามีความผิดปกติในอวัยวะเหล่านี้

6. การส่องกล้องตรวจลำไส้ (Colonoscopy / Sigmoidoscopy)

ในกรณีที่อาการยังไม่ดีขึ้น หรือสงสัยภาวะลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือโรคมะเร็งในลำไส้ การส่องกล้องจะช่วยให้เห็นภาพโดยตรงของผนังลำไส้และสามารถตัดชิ้นเนื้อไปตรวจได้


เมื่อใดจึงควรทำการตรวจ?

การตรวจควรทำในกรณีที่:

  • อุจจาระสีเขียวเกิดขึ้นซ้ำบ่อยหรือเป็นเวลานาน

  • มีอาการท้องเสียต่อเนื่องมากกว่า 3 วัน

  • มีเลือดปนในอุจจาระหรืออุจจาระมีลักษณะมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ

  • มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย หรือปวดท้องรุนแรงร่วมด้วย

  • มีประวัติการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อในทางเดินอาหาร

สรุป

อุจจาระสีเขียวอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การรับประทานอาหาร ไปจนถึงภาวะติดเชื้อในลำไส้ การสังเกตอาการร่วมจะช่วยในการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง

ผู้ที่มีข้อสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ ควรติดต่อ Dr. Christos Zavos, แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารและตับ เพื่อขอรับคำปรึกษาโดยตรง ไม่ว่าจะผ่านการนัดหมายเข้ารับการตรวจที่คลินิกส่วนตัวของท่านที่ถนน Fanariou 8, Kalamaria (Thessaloniki), ประเทศกรีซ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ โดยสามารถกรอกแบบฟอร์มติดต่อได้ที่เว็บไซต์ peptiko.gr, โทรศัพท์ที่หมายเลข (+30)-6976596988 และ (+30)-2311283833 หรือส่งอีเมลมาที่ czavos@ymail.com

Last update: 4 June 2025, 08:38

DR. CHRIS ZAVOS, MD, PHD, FEBGH

Gastroenterologist - Hepatologist, Thessaloniki

PhD at Medical School, Aristotle University of Thessaloniki, Greece

PGDip at Universitair Medisch Centrum Utrecht, The Netherlands

Ex President, Hellenic H. pylori & Microbiota Study Group